ตรี ที่มีทั้งหมดมาจากการหาด้วยตนเอง บางทีผมกลับมามองย้อนหลังชีวิตตัวเอง ในแง่ของการมีวินัยในการออม ผมบอกได้เลยว่ารู้สึกภูมิใจในความอดทน อดออม ของตัวเอง ครับ ที่นำเรื่องตัวเองมาเปิดเผยเพราะอยากให้เป็นแนวทางสำหรับคนที่วางแผนการออม การใช้เงิน เพื่อบั้นปลายชีวิตวัยเกษียณครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ตั้งเป้าหมายการออมไว้ใช้ยามเกษียณนะครับ" ขอบคุณ สมาชิกหมายเลข 1367012
เดือนที่ผ่านมาผมลองไปฟาร์มหุ้น Mirror ด้วย Delta Neutral มาพร้อมกับลองคำนวณดูแล้ว สำหรับผมคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย อย่างที่เคยบอกไป รอบนี้เลยวาดรูปประกอบพร้อมไปลงมาจริง ๆ ด้วย วิธีคือฟาร์ม Long แล้วเอาเงินอีกครึ่งไป Lend เอา aUST ไปฟาร์ม short ในอัตราเท่ากัน 1. เวลาหุ้นขึ้น เราจะขาดทุนจาก short กำไรจากหุ้นขึ้น และมีหุ้นหายไปเล็กน้อยจาก impermanent loss อันนี้ไม่เท่าไหร่ เพราะแค่กำไรน้อยลง (ขาดทุนสีแดง + ขาดทุนสีฟ้า + กำไรฟาร์ม) 2.
คำตอบคือ ได้ แต่จะมีโอกาสน้อย และความเสี่ยงสูง ที่สำคัญต้องมี "เงินทุน" หากเงินต้นในการลงทุนยิ่งมาก โอกาสที่จะสร้าง Passive Income ก็จะสูงขึ้น และมั่นคงมากขึ้น โดยขั้นตอนการสร้าง Passive Income จากหุ้นมั่นคง มี 4 ขั้นตอนดังนี้ 1. กำหนดเป้าหมายเป็นจำนวนเงินปันผล เช่น เป้าหมายคือ ต้องการมีเงินปันผลเดือนละ 10, 000 บาท (หรือปีละ 120, 000 บาท) และคาดว่าการลงทุนในหุ้นมั่นคงจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล คิดเป็น 6% ต่อปี ดังนั้น ต้องมีเงินทุนเป็นเงินต้นอย่างน้อย 2, 000, 000 บาทขึ้นไป หรือถ้าต้องการปันผลต่อเดือนมากขึ้น ก็ต้องเพิ่มเงินต้นให้มากขึ้น หรือลงทุนในหุ้นมั่นคงที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเองควบคู่ด้วย สูตรการหาเงินต้นในการสร้าง Passive Income = Passive Income ที่ต้องการต่อปี / อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (%) 2. วางแผนเงินออม และต่อยอดการลงทุน เพื่อสะสมเงินลงทุนเป็นเงินต้นที่สามารถสร้างเงินปันผลให้ได้ตามเป้าหมาย สำหรับคนที่มีความพร้อม และเริ่มออมก่อน ก็จะสามารถต่อยอดการลงทุนไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น ตัวอย่าง: เป้าหมายคือ สะสมเงินต้นเป็นมูลค่า 2, 000, 000 บาท เพื่อเป็นเงินลงทุนในหุ้นมั่นคง เพื่อจะได้รับเงินปันผลเดือนละ 10, 000 บาท แผนการออมเงินคือ: ออมเงินเท่ากันทุกเดือน เดือนละ 5, 000 บาท โดยนำเงินมากระจายลงทุนในหุ้นปันผล จะใช้เวลา 15 ปี จึงจะมีเงินต้น 2, 162, 127 บาท (คำนวณผลตอบแทนในหุ้นมั่นคงที่ 10.
โดยพักอยู่บ้านญาติ จึงไม่มีค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย จากนั้น ปี 2544 ก็ย้ายงานที่ 2 เงินเดือน 22, 000 บาท, ปี 2545 ย้ายงานที่ 3 เงินเดือน 32, 000 บาท รวมทำงานบริษัทเอกชนใน กทม. ประมาณ 6 ปี ช่วงที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน พอเงินเดือนออกจะหักเก็บออมในธนาคารทุกเดือน เรียกว่าเป็นนิสัยติดตัวที่ทำมาตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ทำงานบริษัทใน กทม. จนเงินเก็บครบ 1 ล้านแรกเมื่ออายุ 28 ปีครับ ตุลาคม ปี 2546 ตัดสินใจย้ายงาน เหตุผลคือไม่อยากอยู่ กทม. แล้ว จึงสมัครงานตำแหน่งใหม่เพื่อย้ายกลับบ้านที่ ตจว.