NTAQHI, Northern Thailand Air Quality Health Index, ดัชนีคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพชาวเหนือ 1. ผลกระทบต่อสุขภาพระยะสั้น ค่า PM 2. 5 เฉลี่ย 24 ชม. ถ้าในพื้นที่ของท่านมีฝุ่นควัน PM 2. 5 เฉลี่ยต่อวันสูงเท่านี้ ในวันนั้นประชาชนในพื้นที่จะเสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศ 0 คน 2. ผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว ค่า PM 2. 5 เฉลี่ยต่อปี ถ้าในพื้นที่ของท่านมีฝุ่นควัน PM 2. 5 เฉลี่ยต่อปีสูงแบบนี้ไปตลอด ประชาชนในพื้นที่จะมีอายุขัยเฉลี่ยสั้นลง 0 ปี ฝุ่นควันพิษระดับนี้ทำให้อายุสั้นลงเท่ากับการสูบบุหรี่ 0 มวนต่อวันติดต่อกัน 30 ปี Reference: ศ. นพ. ชายชาญ โพธิรัตน์ การศึกษาผลกระทบของหมอกควันต่อสุขภาพในจังหวัดเชียงใหม่ โดยข้อมูลจำนวนผู้เสียชีวิตจากแผนกทะเบียนราษฎร์จังหวัดเชียงใหม่ และข้อมูลคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ แอปพลิเคชันบน Google Play และ App Store โดยความร่วมมือของ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ดอยสะเก็ด และจังหวัดเชียงใหม่
พญ. หฤทัย กมลาภรณ์ กุมารแพทย์โรคระบบหายใจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า เด็กเป็นประชากรที่มีความเสี่ยงสูงต่อการได้รับผลกระทบจากมลพิษที่ส่งผลต่อเยื่อบุทาง เดินหายใจและระบบภูมิคุ้มกันที่ยังเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้ไม่สามารถป้องกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเท่าผู้ใหญ่ ซึ่งในเด็กปกติ ระดับคุณภาพอากาศที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและกิจกรรมในชีวิตประจำวันคือ PM 2. 5 มากกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และสำหรับเด็กที่มีปัญหาทางระบบหายใจเรื้อรัง เช่น โรคหืด โรคปอดเรื้อรัง เยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และโรคหัวใจ ระดับคุณภาพอากาศที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและกิจกรรมในชีวิตประจำวัน คือ PM 2. 5 มากกว่า 37 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดังนั้น ระดับคุณภาพอากาศในอาคารที่เหมาะสม คือ PM 2. 5 ไม่เกิน 37 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ ในส่วนของโรงเรียน ควรมีการติดตามรายงานคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ และพิจารณาปรับกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ เมื่อระดับ PM 2. 5 อยู่ในระดับสีส้ม เด็กควรสวมหน้ากากอนามัยและไม่ควรออกกำลังกายกลางแจ้ง หากระดับ PM 2. 5 อยู่ในระดับสีแดง ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง หรือหากระดับ PM 2.
สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สูงเกินมาตรฐานเช่นเดียวกัน โดยจากฐานข้อมูลเฝ้าระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ (HDC) ของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2563 พบว่า มีเด็กอายุ 0 - 14 ปี กว่าร้อยละ 44. 1 ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีค่า PM2. 5 เกินค่ามาตรฐาน และป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับฝุ่นละอองขนาดเล็กจำนวน 618, 131 ราย คิดเป็นร้อยละ 5. 7 ของเด็กทั้งหมด โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ แสดงว่าในทุก ๆ วันจะมีเด็ก 0 - 14 ปีที่มาเข้ารับการรักษาด้วยการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 1, 694 ราย ต่อวัน ดังนั้น ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ควรป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก โดยควรลดหรืองดการออกนอกอาคารในวันที่ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2. 5 เกินค่ามาตรฐาน และหากจำเป็นต้องออกนอกบ้านควรสวมหน้ากากตลอดเวลา รวมทั้งกินอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ปิดประตูหน้าต่างในช่วงที่มีฝุ่นสูง และหากมีอาการผิดปกติ ให้ไปพบแพทย์ ทั้งนี้ กรมอนามัยได้จัดทำชุดข้อมูล ความรู้ในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพสำหรับเด็กเล็ก โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซด์กรมอนามัย" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว ทางด้าน ผศ.