5 เซนติเมตร จนถึงขนาด 20 เซนติเมตร ผื่นมีหลายรูปแบบเช่น กลม รี วงแหวน วงแหวนหลาย ๆ วงมาต่อกัน หรือเป็นรูปแผนที่ ผื่นลมพิษชนิดลึก มักเกิดบริเวณรอบตา ปาก ปลายแขน รายที่เป็นรุนแรงจะบวมมาก โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และลำคอ ซึ่งเป็นเครื่องเตือนว่า ผู้ป่วยอาจเกิดอันตราย จากการอุดตันของทางเดินลมหายใจ ถ้าผู้ป่วยมีอาการแน่น หายใจไม่สะดวก ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อรับการรักษาลักษณะอาการลักษณะอาการของผื่นลมพิษ มีลักษณะสำคัญ คือ อาการบวม แดงที่ผิวหนังแต่ละตำแหน่ง เป็นอยู่ไม่เกิน 24 ชม. ก็จะยุบไป แต่จะไปเกิดบริเวณอื่นของผิวหนังได้ มี 2 ชนิด คือ 1.
ระยะแรก เป็นรอยนูนแดงขนาดเล็ก คันมาก ผื่นค่อยๆ ขยายออก มีขอบยกนูน ตรงกลางของผื่นจะมีสีซีดจางกว่าบริเวณรอบๆ มักมีรูปร่างแปลกๆ ไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา บางครั้งรูปร่างเหมือนวงกลม แต่มักไม่ครบวง บางครั้งดูคล้ายแผน ที่มีขอบหยักไปหยักมา ผื่นกระจาย ทั่วร่างกาย ยกเว้น ผื่นลมพิษที่เกิดในชั้นผิวหนังส่วนลึกหรือชั้นไขมันใต้ผิวหนังที่เรียกว่า angioedema ซึ่งมัก เกิดตามเยื่อบุ เช่นเปลือกตา ริมฝีปาก อวัยวะเพศ ซึ่งจะบวมนูนไม่มีขอบเขตชัดเจน กว่าจะยุบอาจใช้เวลา 2-5 วัน ยาที่ทำให้เกิดผื่นแพ้ ได้แก่ Penicillin, Cephalosporins
พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา; พ. ศ. 2553. หน้า 85
ลมพิษชนิดเรื้อรัง คือ ผื่นลมพิษที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปไม่รุนแรง ผื่นจะขึ้นๆ ยุบๆ เป็นอยู่นานเกิน 6 สัปดาห์ ส่วนใหญ่หาสาเหตุไม่ได้ ผู้ป่วยจึงมีอาการผื่นลมพิษเป็น ๆ หาย ๆ นานเป็นเดือน หรือเป็นปี สาเหตุของลมพิษ 1. เกิดจากเชื้อโรค ได้แก่ ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือพยาธิ เป็นสาเหตุของลมพิษที่พบบ่อย เชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายทางใดก็ได้ เช่น ทางเดินอาหาร ทางเดินลมหายใจ ทางเดินปัสสาวะและผิวหนัง 2. สารเคมี ที่สำคัญคือ อาหารและยา ที่ผู้ป่วยรับประทานอยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์ ก่อนเกิดผื่นลมพิษ ปัจจุบันสารเคมี อาจปนเปื้อนมากับอาหารที่รับประทาน โดยไม่สามารถทราบได้เลย ตัวอย่าง เช่น ยาปฏิชีวนะที่ตกค้างอยู่ในเนื้อไก่ เนื้อปลา ยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนอยู่ในผัก ผลไม้ เป็นต้น จึงเป็นการยากที่จะจับสาเหตุ ของลมพิษในผู้ป่วยทุกรายได้ 3. สภาวะทางฟิสิกส์ เช่น ความร้อน ความเย็น แสงแดด เป็นสาเหตุสำคัญของผื่นลมพิษได้เช่นกันการดูแลรักษาผู้ป่วยลมพิษ •หลีกเลี่ยง หรือกำจัดสาเหตุของผื่นลมพิษ ถ้าสามารถทำได้ ผู้ป่วยจะหายขาดจากโรคลมพิษ วิธีกำจัดสาเหตุของลมพิษให้ปฏิบัติ ดังนี้ 1. ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเป็นการขับสารพิษ ที่เป็นต้นเหตุของผื่นลมพิษออกไปทางไต และควรระวัง ไม่ให้ท้องผูก เพื่อเป็นการกำจัดของเสียออกทางอุจจาระ 2.
โรคทรมาน น่ารำคาญ กับผื่นผิวหนังที่ทั้งคัน ยังเป็นปุ่มนูนๆ ปื้นๆ น่าเกลียด และยิ่งเป็นมากแพ้มากยิ่งอันตราย นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า โรคลมพิษ เป็นโรคผิวหนังมีลักษณะเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง ไม่มีขุย มีอาการคัน เกิดขึ้นเร็วและกระจายตามตัว แขน ขา แต่ละผื่นมักจะคงอยู่ไม่นาน โดยมากมักไม่เกิน 24 ชั่วโมง ผื่นจะราบไปโดยไม่มีร่องรอย แต่อาจมีผื่นใหม่ขึ้นที่อื่นๆ ได้ โรคลมพิษแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ลมพิษเฉียบพลัน จะเป็นๆ หายๆ ติดต่อกันน้อยกว่า 6 สัปดาห์ เป็นลมพิษที่พบได้บ่อย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากอาหาร ยา การติดเชื้อ 2. ลมพิษเรื้อรัง จะเป็นๆ หายๆ ต่อเนื่องกัน เกิน 6 สัปดาห์ เกิดจากอาหาร ยา ติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อราหรือมีพยาธิ โรคระบบต่อมไร้ท่อ เช่น โรคต่อมไทรอยด์ อิทธิพลทางกายภาพ เช่น ความร้อน ความเย็น น้ำหนักกดรัด แสงแดด ออกกำลังกาย แพ้สารที่สัมผัส เช่น แพ้ยาง ขนสัตว์ พืช หรืออาหารบางชนิด แพ้พิษแมลง เช่น ต่อต่อย แต่มีข้อสังเกต คือแต่ละผื่นอยู่นานมักเกิน 24 ชั่วโมง พญ. มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ. สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง ไม่มีขุยขอบเขตชัดเจน มีขนาดต่างๆ ได้ตั้งแต่ 0.
ลมพิษ เป็นปฏิกิริยาการแพ้รูปแบบหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากอาหาร ยา และการติดเชื้อ รวมถึงปัจจัยภายใน อาการแสดงจะมาด้วยผืน บวม แดง นูนขึ้นมา อาจจะมีอาการคันหรือแสบ มักเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังการกระตุ้น ส่วนใหญ่ผื่นจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง มี 2 ประเภท ลมพิษเฉียบพลัน มีอาการไม่กิน 6 สัปดาห์ เกิดในเวลาอันสั้น และหายไปเอง ใน 6 สัปดาห์ สาเหตุ อาหาร ยา การติดเชื้อ ลมพิษเรื้อรัง ใน 6 สัปดาห์ สาเหตุ จากปัจจัยภายใน เช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง การติดเชื้อเรื้อรังในร่างกาย โรคไทรอยด์ หากมีอาการอยู่มากกว่า 6 สัปดาห์ ควรมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยหาสาเหตุ ข้อมูล ณ วันที่ 24 ธันวาคม 2561 ที่มา: ผศ. พญ. มาริษา พงศ์พฤฒิพันธ์